ตอนที่ไปซื้อมือถือตามร้านต่างๆ ทั้งร้านตู้ ทั้งศูนย์ พนักงานที่มีความใส่ใจต่อลูกมักจะมีคำแนะนำแก่ลูกค้า หนึ่งในคำแนะนำที่ได้ยินบ่อยๆคือ อย่าลืมกลับชาร์จแบตเตอรี่ 16 ชั่วโมงก่อนใช้นะคะ บางร้านก็บอกชาร์จ 8 ชั่วโมง ผู้ใช้เลยไม่แน่ใจว่ากี่ชั่วโมง เพราะแต่ละร้านบอกไม่เหมือนกัน บางทีก็ถามกลับไปอีกว่า ต้องปิดเครื่องไหมเวลาชาร์จ แล้วควรจะทำอย่างไรดี
ก่อนอื่น ต้องบอกก่อนว่า Battery ที่ใช้ในโทรศัพท์มือถือนั้น จะเรียกชื่อประเภทตามของวัสดุที่ใช้ผลิตตัวอย่าง
- Ni-Cd ใช้สาร นิเกิล กับ แคดเมี่ยม เป็นหลัก
- Ni-MH ใช้สาร นิเกิล กับ โละหะหนัก (Metal Hydride)
- Li-ion ใช้สาร ลิเธียม ไอออน
- Li-Poly ใช้สาร ลิเธียม โพลีเมอร์
รายละเอียดแต่ละประเภทจะขอยังไม่กล่าวถึงนะครับ เอาเป็นว่าในปัจจุบัน Battery แท้ ที่มากับเครื่อง ส่วนใหญ่จะเป็นประเภทที่ 3 คือ Li-ion มากที่สุด นอกนั้นก็เป็น ประเภทที่ 4 อาจจะมีอยู่บ้างที่ใช้ประเภทที่ 2 แต่น้อยมาก ส่วนประเภทที่ 1 นั้นไม่น่าจะมีแถมมาพร้อมเครื่องแล้ว เพราะเป็นประเภทเดียวใน 4 ประเภทนี้ที่มี Memory Effect (ต้องใช้ให้หมดก่อนแล้วค่อยชาร์จ มิฉะนั้นแบตฯจะเสื่อมไวกว่าปกติ)
ขอท้าวความนิดนึงก่อนนะครับ เพื่อความกระจ่าง เมื่อก่อนโทรศัพท์มือถือจะใช้แบตฯที่มี Memory Effect จึงมักจะมีอุปกรณ์อีกอย่างมาให้ หรือให้ซื้อเพิ่ม ซึ่งมือถือในรุ่นปัจจุบันมักจะไม่ค่อยเห็นแล้ว หรือมีก็จะไม่มีปุ่มการทำงานที่สำคัญอย่างหนึ่งสำหรับแบตเตอรรี่รุ่นเก่าที่มี Memory Effect คือปุ่ม Discharge หรือปุ่มคายประจุ คือหากต้องการชาร์จไฟตอนแบตฯไม่หมดก็วางลงบนแท่นชาร์จมีทั้งแบบช่องวางใส่พร้อมเครื่อง หรือช่องใส่แบตต่างหาก เพื่อที่จะคายประจุออกก่อนที่จะได้ทำการชาร์จ แบตฯก็จะไม่เสื่อมไว อุปกรณ์ที่ว่านี้ เรียกว่า Charging Stand หรือ แท่นชาร์จ นั่นเอง
ดังนั้นในสมัยก่อน(เหมือนนานมาก)10กว่าปีที่แล้ว จึงมักบอกให้ลูกค้าชาร์จแบตฯ16ชั่วโมงก่อนใช้งาน(ซึ่งจริงๆก็คงไม่ต้องถึงขนาดนั้น เอาแค่ว่าชาร์จให้เต็มที่ จากแท่นชาร์จไฟแดงเปลี่ยนเป็นไฟเขียว(เต็มแล้ว)อีกสักพักค่อยเอาออก เมื่อก่อนใช้เวลาชาร์จประมาณ 3-4 ชั่วโมงจึงเต็มจึงมักมีแบตให้ลูกค้า2ก้อน (ก้อนนึงใส่เครื่องใช้ อีกก้อนก็ชาร์จไฟสำรองไว้ พอหมดก็เปลี่ยนสลับก้อนกัน) ปัจจุบันใช้เวลาชาร์จ 1-2 ชั่วโมง
อายุการใช้งานแบตเตอรี่นั้น ไม่ได้นับตามเวลานะครับ นับตามจำนวนรอบในการชาร์จนั่นเอง(บางคนเรียกจำนวนรอบในการใช้งาน นั่นคือ ชาร์จแล้วเอาไปใช้ นับเป็น 1รอบ) แปลตามภาษาชาวบ้านไม่ให้ปวดหัวเอาง่ายๆว่า ชาร์จเมื่อไหร่ นับ 1 ชาร์จอีกก็นับ 2 ไปเรื่อยๆ อายุการใช้งานก็จะประมาณ 400-600 รอบ จะเห็นได้ว่าเมื่อก่อนผู้ผลิตจะรับประกันแบตเตอรี้ 1 ปีเต็ม เนื่องจากว่าผู้ใช้มักจะชาร์จวันละครั้ง (1ปี=365วัน อายุการใช้งานแบตฯไม่เสื่อมแน่นอน) เนื่องจากเมื่อก่อนโทรศัพท์มือถือใช้โทรเข้าออกเป็นหลัก ไม่มีโปรแกรมทำอะไรอย่างอื่น จึงไม่ได้ใช้บ่อยเท่าปัจจุบันซึ่งเป็นได้ว่าผู้ใช้จะชาร์จแบตฯมากกว่าวันละ1ครั้ง ผู้ผลิตจึงลดระยะการรับประกันจาก 1 ปี เหลือ 6 เดือน ทุกยี่ห้อ (ชาร์จวันละ 2 ครั้ง 7-8 เดือนก็น่าจะเสื่อมแล้ว) ดังนั้นแบตฯของใครจะเสื่อมไวเสื่อมช้าขึ้นอยู่กับพฤติกรรมผู้ใช้ซะไปส่วนใหญ่ ใครชาร์จบ่อยก็เสื่อมไวเพราะรอบการใช้งานลดลงเร็ว บางคนใช้เป็นปีก็ยังใช้ได้อยู่ บางคนไม่ถึงปีก็ต้องซื้อใหม่แล้ว
คำแนะนำ สำหรับการชาร์จแบตฯ
- แบตเตอรี่ใหม่เก่าไม่สำคัญ ชาร์จ 8 ชั่วโมง 12-14 ชั่วโมง 16 ชั่วโมง ถือว่าเป็นเรื่องเก่าและเชยมาก เมื่อชาร์จเต็มแล้วก็พอ เอาที่ชาร์จออกได้เลย เพราะเมื่อชาร์จเต็มแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะเสียบที่ชาร์จทิ้งไว้ เพราะระบบในตัวเครื่องทำการตัดระบบการประจุไฟให้แบตฯแล้ว สิ่งที่เกิดคือ เปลีองไฟจากการเสียบตัวชาร์จคาไว้เปล่าๆ บางคนยังบอกถึงมันเต็มมันก็ยังประจุไฟอยู่ (เอาเข้าไป) อยากท่านนึกถึงปั๊มน้ำที่ต่ออยู่กับแท็งค์น้ำตามบ้าน แบบเดียวกันแหละครับ ตัดก็คือตัด ไม่มีไหลเอื่อยเติมไปอีกเรื่อยๆ
- หลีกเลี่ยงการชาร์จแบตฯไปใช้ไป เพราะจะเสียรอบในการชาร์จโดยไม่รู้ตัว เหมือนกับที่ยกตัวปั๊มน้ำข้างบนนั่นแหละ หากท่านนำไปเสียบชาร์จ นับเป็น 1 รอบ หากมีการใช้งานในขณะชาร์จ ระบบอาจจะทำการตัดการชาร์จ พอวางสายก็กลับมาชาร์จใหม่ นับ 2 กรณีนี้ก้เคยมีปัญหาจนงงกันมาเยอะแล้ว คือ ผู้ใช้ใช้ไปได้2-3 เดือนนำไปเคลมบอกว่าแบตหมดไว ช่างตรวจแล้วก็พบว่าแบตเสื่อมจริง เปลี่ยนก้อนใหม่ให้ จากนั้นไม่นานก็นำไปซ่อมอาการเดิมอีก ช่างเช็คประวัติเห็นว่าเคยเปลี่ยนแบตแล้วก็เข้าใจว่าอาการเสียน่าจะมาจากเครื่องกินแบตฯ ก็ตรวจซ่อม เปลี่ยนอุปกรณ์ แผงวงจร แล้วให้ลูกค้ากลับไป จากนั้นลูกค้าก็กลับมาอีกอาการเดิม ช่างปวดหัวตึ๊บ เจ้าของร้านก็มึน เพราะรอบหลังนี้มันเลยระยะประกัน 6 เดือนไปแล้ว ย่างเดือน7เดือน8 ไปแล้ว ก็เกิดการโต้เถียงกัน ลูกค้าก็จะบอกว่า เครื่องไม่ดี ซ่อมไม่ดี บริการไม่ดี ถ้าเป็นร้านตู้ลูกค้าก็จะไม่ค่อยโวยวายมาก(สงสัยจะกลัว) ถ้าเป็นร้านใหญ่ๆ หรือพวกศูนย์บริการของบริษัท รับรองว่าไม่เหลือ สุดท้ายก็ต้องดำเนินการไม่เก็บค่าใช้จ่ายแต่อาจจะสำทับว่า ครั้งนี้ทำให้รอบสุดท้ายแล้วนะ คราวหน้าเสียตังค์ อะไรทำนองนี้ แต่ไม่ทันได้คิดถึงต้นเหตุที่แท้จริงซึ่งอาจเกิดของผู้ใช้เอง แค่ถามและแนะนำสักนิดก็แก้ไขปัญหาได้แล้ว โดยไม่ต้องไปบอกว่าใครผิด แค่บอกง่ายว่าหลังจากที่ตรวจพบว่าแบตเสียจริงในครั้งแรกแล้วเปลี่ยนแบตใหม่ให้ "คุณพี่คะ/ครับ ถ้าคุณพี่ชาร์จแบตเต็มแล้วก็ดึงที่ชาร์จออกได้เลยนะคะ อย่าเสียบคาไว้ จะทำให้แบตเสื่อมไวได้ " อย่าไปคะยั้นคะยอถามนะครับว่า ทำอย่างนู้น ทำอย่างนี้ มาหรือเปล่า จะทะเลาะกันเสียเปล่าๆและคงไม่ได้ข้อเท็จจริงด้วย หรือบางคนเล่นปรักปรำ เช่น ไปทำอย่างนั้นมาแน่ๆเลย เช่น เอาที่ชาร์จของไม่แท้มาชาร์จใช่ไหมแบตเลยเจ๊ง จะเสียเวลาทำมาหากินไปต่อปากต่อคำกัน
- ผู้ใช้งาน ใช้ตามปกติให้เต็มที่ ไม่ต้องระวังเป็นพิเศษ ไม่ต้องมาท่องจำ เช่น ถ้าแบตชนิดนี้ต้องใช้ให้หมดเกลี้ยงก่อนแล้วค่อยชาร์จ ไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องซีเรียส ใช้ปกติเราแหละ ช่วงแรกๆยิ่งต้องใช้ให้เต็มที่ อย่ากลัว อย่าถนอมจนเกินเหตุ อย่าลืมว่าคุณมีประกันอยู่(สินค้ายี่ห้อที่ติดตลาด) ทุกอย่าง6เดือน ยกเว้นตัวเครื่อง 1ปี มีปัญหาก็ส่งซ่อม อุปกรณ์พวกนี้เสียได้ครับ อย่าไปยึดติดว่ามันเสียไม่ได้ เครื่องคอมฯตั้งอยู่กับที่ไม่ได้ยกไปไหน บางทีไม่ค่อยได้ใช้เลย ยังเสียได้ นับประสาอะไรกับมือถือ พกไปไหนมาไหน กดนุู่น กดนี่ กระแทกนู่นบ้าง นี่บ้าง ก็มีโอกาสเสียได้เหมือนกัน
- อย่าชาร์จแบตฯขณะที่ตัวเครื่องหรือแบตฯมีอุณหภูมิสูง เพราะจะชาร์จไฟไม่เข้า เช่น วางไว้หน้ารถแล้วนำมาชาร์จทันที ควรทิ้งไว้ให้กลับสู่อุณหภูมิปกติก่อนค่อยชาร์จ เนื่องจากการชาร์จแบตฯใช้ระบบตรวจสอบอุณหภูมิ เมื่อแบตฯเต็มหรือชาร์จไม่เข้าแล้วจะเกิดอุณหภูมิสูงขึ้น ถึงจุดหนึ่งระบบตรวจสอบจะทำการตัดการชาร์จออก
หวังว่าคงเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยครับ