วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ตัดสินใจ"เปลี่ยน"

  หลังจากที่ได้มีการประชุม พิจารณาแล้วว่าจะมีการเปลี่ยนไปใช้โปรแกรมที่ไม่ต้องเสียค่าลิขสิทธิ์ ในที่นี้ผมจะเน้นไปที่โปรแกรมสำนักงานเอกสารอย่าง Microsoft Office เป็นหลักนะครับ เพราะทุกแห่งต้องมีต้องใช้ทำเอกสารทั้งสิ้น
  อย่าคิดนะครับว่าการเปลี่ยนโดนคำสั่ง บังคับเพียงอย่างเดียวจะได้ผลดี บางครั้งก็ต้องเข้าใจผู้ใช้งานด้วย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีทีมงานที่จะดูแลการ "เปลี่ยน" นี้อย่างชัดเจนและไม่ควรไปฝากหรือว่าถือว่าเป็นภาระของหน่วยงานระบบสารสนเทศ(IT)แต่เพียงฝ่ายเดียว ถ้าเป็นอย่างนั้นรับรองได้ว่าความสำเร็จในการ "เปลี่ยน"ได้ถอยห่างไกลออกไปอย่างน่าเสียดาย
 ทีมงานที่ดูแลการ "เปลี่ยน" นี้ ควรประกอบไปด้วย
  • ตัวแทนจากผู้บริหาร
  • ตัวแทนจากระบบสารสนเทศ(IT)
  • หัวหน้าหน่วยงานต่างๆ
  • ผู้ที่ใช้งานโปรแกรม Microsoft Office ระดับผู้ชำนาญ(ประมาณว่าพวกใช้เก่งๆ ใครๆก็ชอบมาถาม)
  • ตัวแทนของผู้ใช้งานทั่วไป ใช้เป็นบ้าง ไม่เป็นบ้าง ไม่เป็นไร
  • ผู้ติดตามดูแลแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในการใช้งานโปรแกรม(ไม่จำเป็นต้องสังกัด IT หรือ เก่ง ขอให้มีใจอยากช่วยเหลือและบริการผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทนก็พอ)
หรือ บริษัทอาจจะว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษามาดำเนินการเรื่องนี้ (ผมจะข้ามประเด็นนี้ไปครับ เอาเป็นว่าจะทำเองในบริษัทก็แล้วกัน)

  สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ท่านจะพบในขณะที่ทำการเปลี่ยนในครั้งนี้มีมากมาย ซึ่งไม่ควรมองข้าม เช่น
  • กลุ่มผู้ที่เห็นด้วย สนับสนุน ผลักดัน การ เปลี่ยน นี้
  • กลุ่มผู้ที่เห็นด้วย ยินยอมดำเนินการตามนโยบาย
  • กลุ่มผู้ที่ไม่เห็นด้วย แต่ยินยอมดำเนินการหากมีการบังคับ
  • กลุ่มผู้ที่ไม่เห็นด้วย และพยายามหาข้อโต้แย้ง ข้อผิดพลาดของโปรแกรมใหม่ ไม่อยากใช้
  • กลุ่มผู้ที่ทำอย่างไรก็ได้ ให้ได้ใช้ของเดิม
  • กลุ่มผู้ที่อะไรก็ได้ ตามกระแสส่วนใหญ่
 อย่าลืมนะครับ ว่าท่านไม่ได้กำลังจะเปลี่ยนการใช้"โปรแกรม" แต่ท่านกำลังจะเปลี่ยน "ใจ" เขา ให้พลัดพรากจะสิ่งที่เขารู้จัก คุ้ยเคย จนกระทั่งเรียกว่า "รัก" ก็คงได้ ลองคิดดูนะครับ คนทำงานใช้โปรแกรมMicrosoft Officeวันละกี่ชั่วโมง โปรแกรมนี้มีมากี่ปีแล้ว เอาที่เป็นที่รู้จักกว้างขวางหน่อยไม่ต่ำกว่าปี ค.ศ.1995 (Office 95) ปัจจุบัน 2011 ไม่ต่ำกว่า 16 ปี 
  ท่านคิดว่าจะบังคับหรือเปลี่ยนใจให้คนทำงานเลิกรัก เลิกใช้ สิ่งที่เคยใช้ มาในเวลาเป็นสิบๆปี ด้วยคำสั่ง การบังคับ ในเวลาช่วงสั้นๆอย่างนั้นหรือ? ถ้าเป็นอย่างเหนื่อยแน่ครับ

เปลี่ยนดีไหม

   การที่บริษัท ห้างร้านต่างๆ ตัดสินใจจะเปลี่ยนจากการใช้โปรแกรมที่ต้องเสียค่าลิขสิทธิ์ ไปเป็นโปรแกรมที่ไม่ต้องเสียค่าลิขสิทธิ์นั้น หลักๆเลยก็เพื่อหลีกเลี่ยง ป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่บริษัทเนื่องจากการละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งจะทำให้เสียค่าใช้จ่าย(ค่าปรับ+บังคับซื้อLicense เมื่อมีการตรวจพบ) และที่สำคัญคือทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงบริษัทอันจะมีผลต่อการดำเนินธุรกิจทางการค้าด้วย
  อันที่จริงจะว่าไปแล้ว หากไม่มีการตรวจจับอย่างจริงจังก็คงไม่มีใครคิดจะเปลี่ยนแน่นอน ทีนี้ก็ต้องมามองย้อนละครับว่า คุ้มกับที่เราจะเปลี่ยนหรือไม่ ต่อไปนี้เป็นปัญหาและคำถามที่ท่านจะต้องเจอเมื่อคิดจะ "เปลี่ยน"

  ของเดิม ข้อดี
  • คุ้นเคย ใช้มานาน
  • ใช้ง่าย ไม่ยุ่งยาก
  • ใครๆก็ใช้กัน ใครๆก็รู้จัก
  • ไม่มีปัญหา ไฟล์ไหน ใครส่งมา ส่งให้ใครเปิดได้หมด
  • หาตำรา อาจารย์ผู้สอนง่าย
  • ดีอยู่แล้ว ดีทุกอย่าง ดีที่สุด (ไม่เข้าใจ จะเปลี่ยนทำไม สงสัยบริษัทไม่ค่อยมีตังค์แล้ว)
 ของเดิม ข้อเสีย
  • มีข้อเดียว เสียตังค์ (ไม่เสียตังค์ ใช้ไปแล้ว)
ของใหม่ ข้อดี
  • มีข้อเดียว ไม่เสียตังค์
ของใหม่ ข้อเสีย
  • ไม่คุ้นเคย ไม่เคยรู้จัก
  • ใช้ง่ายยาก ซับซ้อน เสียเวลาทำงาน
  • ไม่มีใครใช้กันไม่เป็นที่นิยม
  • มีปัญหาเยอะ เปิดได้บ้าง ไม่ได้บ้าง จัดหน้าไปแล้วเปิดด้วยโปรแกรมนี้ เพี้ยนไปหมด
  • หาตำรา อาจารย์ผู้สอนยาก
  • สรุป เสียทุกอย่าง หนำซ้ำ ยังโดนบังคับใช้ด้วย
คราวหน้าจะได้มาวิพากษ์กันต่อครับ 

วันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ชุดโปรแกรมสำนักงาน

    ทุกสำนักงานที่ใช้คอมพิวเตอร์จำเป็นต้องมีโปรแกรมจัดการเอกสารต่างๆ เรียกว่าขาดกันไม่ได้เลยทีเดียว ที่รู้จักกันแทบทุกครัวเรือนก็คงไม่พ้น Micrososoft Office ซึ่งต้องเสียเงินค่า License บางแห่งก็เริ่มมาสนใจ OpenOffice , LibreOffice เพราะไม่ต้องเสียค่า License
    ชุดโปรแกรมสำนักงานมีหลายโปรแกรมประกอบกัน แต่ขอยกที่ใช้กันมากมาพูดถึง 3 ตัว
    โปรแกรมประเภท Text Document ที่หลายคนใช้เป็น โปรแกรมพิมพ์งานเอกสาร (ซึ่งที่จริงทำได้มากกว่าพิมพ์งานอย่างเดียว) ได้แก่ Word , Writer
    โปรแกรมประเภท Spread Sheet เป็นโปรแกรมสร้าง/จัดการ ตารางคำนวณ ได้แก่ Excel , Calc
    โปรแกรมประเภท Presentation เป็นโปรแกรมสร้างงานนำเสนอ ได้แก่ PowerPoint , Impress
  

Microsoft Office
OpenOffice.org
LibreOffice
Text Document
Word
Writer
Writer
Spreadsheet
Excel
Calc
Calc
Presentation
PowerPoint
Impress
Impress



วันพุธที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ในสำนักงาน

         ช่วง 2-3 ปีหลังมานี่ ความเข้มข้นทั้งในแง่ของกฎหมายและเรื่องของการตรวจสอบลิขสิทธิ์ซอฟแวร์ตามบริษัท ห้างร้าน ต่างๆมีมากขึ้น จนทำให้หลายๆบริษัทต้องหันมามองในเรื่องของ ซอฟแวร์ทดแทน         
     License หมายถึง สิทธิการใช้งานซอฟต์แวร์ ที่หลายๆคนเรียกเป็น ลายเส้น (ส่วนใหญ่ก็ต้องเสียตังค์อยู่แล้ว)
     Commercial Software แน่นอนว่าเสียตังค์ชัวร์ เหมือนไปสั่งซื้อก๋วยเตี๋ยวแหละ อยากกินต้องจ่ายตังค์
     Freeware (Free Software) คงพอเดาออกว่าไม่เสียตังค์ ใช้ฟรีแต่อาจมีเงื่อนไขบางอย่าง เช่น Non-Commercial Freeware แปลว่า ใช้ได้ฟรีถ้าไม่นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ เหมือนกับแจกก๋วยเตี๋ยวให้กินฟรีแต่ห้ามเอาไปแจกหรือขายต่อ กินเองได้เท่านั้น
    Open Source Software นอกจากจะใช้ฟรีแล้วยังเปิดเผยโค้ดให้นักพัฒนานำไปปรับปรุงได้ด้วย เฉกเช่น แจกก๋วยเตี๋ยวให้กินฟรี แล้วยังบอกสูตรและส่วนผสมต่างๆให้ด้วย สามารถนำไปปรุงกินเองหรือปรับแต่งรสชาติได้ตามต้องการ
     ทุกตัวมีลิขสิทธิ์หมดนะครับ ไม่ใช่ว่าจะเป็น Open Source แล้วจะไม่มีลิขสิทธิ์ แต่จะเป็น GNU/GPL ซึ่งไม่เสียค่าลิขสิทธิ์ในการใช้ ดังนั้นการที่บอกว่าจะเปลี่ยนจาก ซอฟแวร์ที่มีลิขสิทธิ์ ไปใช้ ซอฟแวร์ที่ไม่มีลิขสิทธิ์ จึงไม่ถูกต้อง ที่จริงควรจะเรียกว่าเป็น ซอฟแวร์ที่ไม่เสียค่าลิขสิทธิ์ น่าจะถูกต้องกว่า
     โอกาสหน้าจะได้พูดถึงเรื่องการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ในสำนักงานกันต่อครับ